วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หน่วยที่ 2

คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

1. ความหมายของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
.........ปัจจุบันมีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องระหว่างคอมพิวเตอร์และการศึกษาคือ "คอมพิวเตอร์ศึกษา" (Computer Education) หมายถึง การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์ เช่น การเขียนภาษาโปรแกรมต่าง ๆ การผลิต การใช้ การบำรุงรักษา เครื่องคอมพิวเตอร์ (Hardware) และซอฟแวร์ (Software) รวมถึงการศึกษาวิธีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อกิจการด้านต่าง ๆ
........สรุปแล้วการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา คือ การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในกิจการด้านการศึกษา ประกอบด้วยงานหลัก 4 ระบบ
........1. คอมพิวเตอร์เพื่อบริหารการศึกษา (Computer for Education Administration) เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหารงานด้านต่าง ๆ เช่น การบริหารงานด้านการศึกษาประกอบด้วยครู ผู้เรียน และเจ้าหน้าที่บุคลากรที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เป็นต้น
........2. คอมพิวเตอร์เพื่อบริการการศึกษา (Computer for Education Service)หมายถึงการบริการการศึกษา ด้านต่างๆ เช่น การบริการสารสนเทศการศึกษา
........3. คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน (Computer Assisted Instruction) หมายถึง การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในกิจกรรมการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาต่างๆ
........4. การรู้คอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) เป็นการศึกษา การสอน/การฝึกอบรมเกี่ยวกับความรู้ความสามารถ และทักษะการใช้คอมพิวเตอร์โดนตรงรวมทั้งการประยุกต์ใช้ และเจตคติต่อคอมพิวเตอร์และ ICT
ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ

2. วัตถุประสงค์ของการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
........ในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการศึกษาโดยทั่วไปมี 3 ลักษณะคือ
........1. ใช้เพื่อทบทวนบทเรียน
........2. ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียน
........3. ใช้เป็นเครื่องมือฝึก

ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ

3. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
........ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบทั่วไปของคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
.......1. หน่วยรับข้อมูล input Unit เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รับข้อมูลเข้าสู่หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) เพื่อทำการประมวลต่อไป
.......2. หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU (Central Processing Unit) ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และทำหน้าที่ควบคุมการทำงานต่างภายในคอมพิวเตอร์
.......3. หน่วยแสดงผล Output Unit เป็นหน่วยที่แสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลข้อมูล ซึ่งมีรูปแบบการแสดง ผลอยู่ 2 แบบ คือ แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ และแบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้

ที่มา http://www.obec.go.th ครูสมเกียรติ แสนป้อ

4. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
........4.1. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง การนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน โดยที่เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัดและแบบทดสอบจะถูกพัฒนาขึ้นในรูปของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ..............
1) สามารถเรียนแบบการสอนได้ และ
.............2) มีสมรรถภาพในการรวบรวมสารสนเทศและข้อมูลต่าง ๆ
.......4.2. หลักการของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประกอบด้วย
.............1. ใช้เป็นรายบุคคล (Individualized) ไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ออกแบบเพื่อใช้ส่วนบุคคล นับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดีที่สุด
.............2. มีการตอบโต้อย่างทันที (Immediate Feedback)
.............3. เป็นกระบวนการติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน (Track Learners Process)
.............4. ปรับให้ทันสมัยได้ง่าย (Each of Updating)
.............5. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่างเหมือนคน ด้วยเหตุนี้ จึงนำมาเป็นส่วนนึ่งหรือช่วยสอนเท่านั้น การแก้ปัญหาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเขียนโปรแกรมให้สอดคล้องกับหลักจิตวิทยา
.............6. การเขียนโปรแกรมที่ดีต้องอาศัยความชำนาญอย่างมาก

ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ

5. การวัดประเมินผลคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
........ในการวัดประเมินบทเรียน มีขั้นตอนในการพิจารณาอยู่ 3 ขั้น คือ
........1. การประยุกต์ใช้
............1.1 บทเรียนนี้ออกแบบและผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในหลักสูตรวิชาอะไรและในหลักสูตรนี้ ผู้เรียนจะได้รับประโยชน์พิเศษเฉพาะ จากบทเรียนนี้อย่างไรบ้าง
............1.2 บทเรียนนี้บทบาททางการศึกษาอย่างไรบ้าง เป็นบทเรียนที่ใช้ในการเรียนการสอนโดยตรงหรือเป็นบทเรียนที่ ใช้ประกอบหรือเสริมการเรียนเท่านั้น ถ้าบทเรียนนี้ มีบทบาทเพียงเพื่อเสริมการเรียนการสอน มีสื่อหรือ กิจกรรมการสอนอื่นที่ออกแบบไว้ให้บทเรียนสนับสนุนหรือไม่
............1.3 บทเรียนนี้ออกแบบมาสำหรับผู้เรียนนะดับใด และผู้เรียนควรมีความรู้เบื้องต้นระดับใดและอย่างไรบ้าง
............1.4 บทเรียนนี้ควรใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบใด
.........2. การใช้โปรแกรม
.............2.1 ประสิทธิผลทางการเรียนการสอน การที่จะวัด ประสิทธิผลทางการเรียนการสอนของบทเรียนนั้นเราจะต้อง
...................1) วิเคราะห์คุณลักษณะของบทเรียน
...................2) วิเคราะห์แนวปฏิบัติของครูในการใช้บทเรียนนั้น
...................3) ทบทวนประสิทธิผลของบทเรียนที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์การเรียน
............2.2 การบำรุงรักษาบทเรียนในการประเมินเกี่ยวกับการบำรุงรักษาบทเรียนนี้จะเน้นในเรื่องการปรับปรุงบทเรียนให้เข้ากับสภาพการสอน ว่าทำได้หรือไม่เพียงใด
ทั้งนี้เนื่องจาก มีบางบทเรียนที่เปิดโอกาสให้ครูดัดแปลงเพิ่มเติม ตัดบางส่วนออกหรือจัดลำดับใหม่ได้ เพื่อให้ครูสามารถดัดแปลง บทเรียน ให้สอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียนบางคนได้
............2.3 ความสะดวก ความสะดวกของบทเรียนในที่นี้หมายถึง การที่เราสามารถใช้บทเรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ ได้ เช่น เล่นได้ทั้งเครื่อง XTAT และหรือจอภาพสี
........3. ราคา การเปรียบเทียบราคาของบทเรียน อาจจะพิจารณาได้ยาก เพราะมีข้อจำกัดเช่น เรื่องเวลา ความต้องการในการใช้บทเรียนและประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นต้น นอกจากนั้น การผลิตบทเรียน เรื่องเดียวกันจากผู้ผลิตหลายๆ แหล่งนั้นมีน้อย ดังนั้น การพิจารณาเปรียบเทียบในเรื่องราคาของบทเรียนจึงอยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่ประสงค์ จะใช้บทเรียนนั้นๆพิจารณาเอง

ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ


ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกท่านค่ะ